1. พระธาตุนาดูน
พระธาตุนาดูน หรือพุทธมณฑลอีสาน ตั้งอยู่ที่ตำบลพระธาตุ อำเภอนาดูน เป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่บ้าน มีอายุมากกว่า 1,300 ปี ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ตัวพระธาตุมีลักษณะรูปทรงสถูปทรงกลม ผสมผสานศิลปะแบบทวารวดี มีส่วนบนสุดเป็นปลียอดกลม โดยรอบของพระธาตุเป็นสวนสวยสุดร่มรื่น พร้อมกับพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม สวนรุกขชาติ และสวนสมุนไพร ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมที่จะมาเดินทางกราบไหว้เพื่อขอพรและทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต
2.พระพุทธรูปยืนมงคล
พระพุทธรูปยืนมงคล เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองชาวมหาสารคามอีกองค์หนึ่ง ตั้งอยู่ที่วัดพุทธมงคล ตำบลคันธารราษฎร์ อำเภอกันทรวิชัย มีลักษณะตามแบบศิลปะทวารวดีเช่นเดียวกับพระพุทธรูปมิ่งเมือง สร้างด้วยหินทรายแดงเช่นเดียวกัน สูงประมาณ 4 เมตร ชาวบ้านนิยมมากราบไหว้ขอพรกันอย่างไม่ขาดสาย
3.พระพุทธรูปมิ่งเมือง
พระพุทธรูปมิ่งเมือง หรือพระพุทธรูปสุวรรณมาลี ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวมหาสารคามให้ความเคารพศรัทธา มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปสมัยทวารวดี สร้างขึ้นด้วยหินทรายแดง เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวมหาสารคามนิยมมากราบไหว้ขอพร หรือแม้แต่การบนบานศาลกล่าว ก็มักจะสัมฤทธิผล
4. หาดวังโก
หาดวังโก ตั้งอยู่ที่บ้านท่าเดื่อ ตำบลหนองบอน อำเภอโกสุมพิสัย มีลักษณะเป็นชายหาดยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ริมลำน้ำชี ซึ่งเกิดจากตะกอนทรายทับถมตามธรรมชาติบริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำชี จนทำให้มีทรายมากมายมากองอยู่บริเวณนี้ กลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวมหาสารคาม สามารถลงเล่นน้ำได้ในช่วงน้ำลด มีบานาน่าโบ๊ท เจ็ตสกีให้บริการ รวมทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และเก้าอี้ผ้าใบ ช่วงเทศกาลจะมีนักท่องเที่ยวมากมาย
5.สะพานไม้แกดำ
สะพานไม้แกดำ ตั้งอยู่ที่ตำบลแกดำ อำเภอแกดำ เป็นสะพานไม้เก่าแก่ที่สร้างขึ้นทอดข้ามพาดผ่านลำห้วยหนองแกดำ เพื่อเชื่อมต่อระหว่างวัดดาวดึงษ์แกดำ บ้านแกดำ และวัดบูรพาวนาราม บ้านหัวขัว มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ในช่วงน้ำลดภายในทุ่งจะเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว มีต้นบัวแดงแซมอยู่เป็นระยะ บรรยากาศเงียบสงบ และสวยงามมาก
6.แก่งเลิงจาน
แก่งเลิงจาน แหล่งท่องเที่ยวห้ามพลาดอีกหนึ่งแห่งของมหาสารคาม ตั้งอยู่ที่ตำบลแก่งเลิงจาน อำเภอเมืองมหาสารคาม มีลักษณะเป็นบึงน้ำกว้าง มีสวนสุขภาพแก่งเลิงจานสุดร่มรื่นให้ได้ไปเดินเที่ยวและออกกำลังกาย พร้อมกับพิพิธภัณฑ์ ศาลากลางน้ำ และสถานีประมง ให้ได้ไปเดินเที่ยวเล่นกันเพลิน ๆ
7.วนอุทยานโกสัมพี
วนอุทยานโกสัมพี ตั้งอยู่ที่ตำบลหัวขวาง ในเขตสุขาภิบาล อำเภอโกสุมพิสัย มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 125 ไร่ ลักษณะเป็นป่าดงดิบตามธรรมชาติ ซึ่งเต็มไปด้วยพืชพรรณต่าง ๆ พร้อมทั้งสัตว์ป่าหลากหลายชนิด โดยเฉพาะลิงวอกที่มีอยู่มากมาย และยังมีศาลเจ้าปู่ให้มากราบไหว้ขอพรกันอีกด้วย ที่นี่มีพื้นที่กางเต็นท์ให้ ใครอยากมากางเต็นท์นอนชมดาวก็ทำได้เช่นกัน
8.วัดหนองหูลิง
วัดหนองหูลิง ตั้งอยู่ที่ตำบลมิตรภาพ อำเภอแกดำ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของมหาสารคาม ด้วยมีการสร้างโบสถ์อย่างสวยงามในรูปทรงเรืออนันตนาคราชสีเหลืองทองอร่าม พร้อมลวดลายต่าง ๆ ที่สวยงามและวิจิตรบรรจง สามารถมากราบไหว้ขอพรได้ทุกวัน
9.กู่สันตรัตน์
สร้างด้วยศิลาแลงเป็นศิลปะขอมแบบบายน มีรูปลักษณะปราสาทหินที่มีปรางค์ประธานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขด้านหน้ายื่นไปทางทิศตะวันตก เป็นอโรคยาแห่งหนึ่งที่เก่าแก่
ตั้งอยู่ที่อ.นาดูน กู่สันตรัตน์ได้รับการประะกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478
10.วัดป่าวังน้ำเย็น (อ.เมืองมหาสารคาม)
วัดป่าวังน้ำเย็น (วัดพุทธวนาราม) เกิดจากพระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ เจ้าอาวาสวัดได้ดำริที่จะสร้างวัด จึงมีญาติโยมชาวมหาสารคามร่วมกันบริจาคที่ดินกว่า 30 ไร่ มีพัฒนาที่ดินรกร้างที่เกิดจากแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนจนวัดกลายเป็นวัดที่มีความสง่างาม เอกลักษณ์ของวัดป่าวังน้ำเย็นคือเป็นวัดที่ก่อสร้างโดยใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลักในการก่อสร้าง เช่นไม้แดง ไม้ประดู่ และไม้สักทอง โดดเด่นด้วยศาลาการเปรียญหลังใหญ่ที่ใช้เสาไม้ถึง 112 ต้น จัดว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องที่สร้างจากทองคำบริสุทธิ์ ถึง 3 องค์ น้ำหนักกว่า 12 กิโลกรัม ซึ่งวัดจะนำออกแห่รอบเมืองในงานทอดกฐินเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ชาวเมืองได้สักการบูชา ซึ่งจะกลายเป็นพระเจดีย์สำคัญแห่งที่สองของจังหวัดมหาสารคามรองจากพระธาตุนาดูน ปัจจุบันวัดป่าวังน้ำเย็นมีนักเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมมิได้ขาดสายและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตัววัดก็มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเรื่อยล้วนแต่เป็นสิ่งสวยงามที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาของเมืองตักศิลานคร
11.วนอุทยานชีหลง
วนอุทยานชีหลง ตั้งอยู่ไม่ห่างไกลจากที่ชุมชนมากนัก
มีลักษณะเป็นป่าเบญจพรรณตามธรรมชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ และมีลักษณะเป็นที่ราบ จุดเด่นของที่นี่ก็คือความอุดมสมบูรณ์ของน้ำที่หล่อเลี้ยงตลอดปี
จึงทำให้ดูเหมือนเป็นฝายธรรมชาติที่หน้าที่เก็บกักน้ำ ลักษณะเป็นเกาะ
ที่นี่ยังมีพันธุ์ไม้หายากหลากหลายชนิด เช่น ไม้ยาง ทองกวาว ไผ่ ข่อย ไม้พุ่ม
และไม้หนามต่าง ๆ เวลาเปิดบริการ ทุกวัน : 08:30 - 16:30
11.พิพิทธภัณฑ์บ้านอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
พิพิธภัณฑ์บ้านอีสาน เกิดขึ้นจากการก่อตั้งสถานีวิจัยวลัยรุกขเวช
ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เมื่อก่อนเป็นสถานที่ที่ไว้ศึกษาพันธุ์ไม้ พันธุ์ไผ่
และพืชสมุนไพร แต่ต่อมาได้มีการเพิ่มเติมการศึกษาเกี่ยวกับสังคม
และวัฒนธรรมของภาคอีสาน จึงทำให้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์บ้านอีสานแบบประเพณีเดิม
ภายในจึงได้มีการจัดแสดงชีวิตที่สะท้อนความเป็นอยู่ ความสัมพันธ์แบบระบบเครือญาติ
และสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่นของขาวอีสานขนานแท้อีกด้วย
นับว่าเป็นอีกที่เที่ยวมหาสารคามที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
